วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ก้าวออกไปตามหาฝันของหัวใจที่เรียกร้อง

19 พฤษภาคม 2546 ก้าวแรกที่บักเอี่ยว (ลุ่มแม่น้ำเลย) ได้ก้าวย่างเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ ที่ซึ่งบักเอี่ยวได้เคยคิดว่า มันคือแหล่งที่จะสรรสร้างความฝันในอนาคตให้เราได้ และเราพร้อมที่จะลงมือทำให้มันดีที่สุด เพื่อก้าวไปหาความฝันให้เร็วที่สุด แต่แล้วเมื่อเราได้หยุดคิดย้อนหลังกลับไป พร้อมกับถามหัวใจตัวเองว่า 6 ปีที่ผ่านมา “เราได้อะไรจากที่แห่งนี้...?” มันเป็นคำถามที่ยากจะอธิบายให้เข้าใจแบบสั้นๆ ได้ แต่ก็พอสรุปได้คร่าวๆ โดยอ้างอิงจากความฝันของหัวใจ___ ตอนนี้เรารู้สึกว่าเรากำลังเดินสวนทางกับความฝันของหัวใจ พร้อมกับกำลังสร้างกำแพงขวางกันเส้นทางฝันของตัวเอง ซึ่งมันอาจจะเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่ถ้าเราปล่อยตัวเองให้อยู่สภาพอย่างนี้ไปเป็นเวลานาน ผมเชื่อว่าเรายากที่จะหลุดพ้นจากที่แห่งนี้ไปได้

พอกันทีชีวิตนี้ กับพนักงานบริษัท ขอปรับทิศการเดินทางตามเส้นทางฝันของตัวเอง ขอไปดำเนินชีวิตแบบ MOSO หรือพอเพียง (มีเหตุผล พอประมาณ รู้จักสร้างภูมิคุ้มกัน) MO : Moderation หมายถึง พอประมาณ ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป พอดีๆ SO : Society หมายถึง สังคม MO + SO : สังคมที่ดำเนินชีวิตแบบพอประมาณ ที่ใช้ชีวิตอย่างพอดีๆ นั่นเอง
เงินทอง ลาภยศ คำสรรเสริญ ที่ทุกคนใฝ่หามันก็แค่กุศโลบายหรอกตัวเราไปวันๆ
ถ้าเราเป็นอะไรไปตอนนี้ สิ่งเหล่านี้มันจะมาหาเราหรือไม่...? มีแต่เราวิ่งหามันใช่ไหม...?
ตายไปมันก็ไม่ได้ติดตัวเราไปด้วย แต่สิ่งที่จะติดตัวเราไปด้วยคือกรรมที่เราสร้างขึ้นเอง

* " สร้างกรรมดี เป็นศรีติดตัวไปจนตาย " คนไม่รู้ฟ้ารู้ ฟ้าไม่รู้เรารู้ตัวเราเอง

* ชีวิตคือการเดินทาง ประสบการณ์คือการค้นพบ

* ไม่มีใครแบกความสำเร็จมาขาย ไม่มีใครตายเพราะความมุ่งมั่น
ไม่มีใครชนะโดยไม่ฝ่าฟัน อย่ายอมแพ้เท่านั้นฝันเป็นจริง

* เกิดมาทั้งทีทำดีให้ได้ จะตายทั้งทีทำดีไว้เถิด


25 ธันวาคม 2552 ยื่นใบลาออก
31 มกราคม 2552 ก้าวออกไปตามหาฝันของหัวใจที่เรียกร้อง


ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก

: วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet)มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก
(รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์(เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า) ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า : จงหลีกหาง(ไม้เอก)จากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเองที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน